ย้อนรอยตำนานความเป็นมาของพิซซ่า
วันนี้เราจะมานำเสนอพิซซ่าครับว่ามันมีต้นกำเนิดมาจากอะไรที่ไหนและมีประวัติความเป็นมาอย่างไรทำไมจึงมีชื่อว่าพิซซ่าเดี๋ยวเราจะเข้ามาดูรายละเอียดกันเลยนะครับบทความนี้เป็นบทความที่สาระบันเทิงและความรู้ซึ่งรวบรวมมาจากวิกิพีเดีย
พิซซา หรือ พิซซ่า (อิตาลี: pizza) เป็นอาหารอิตาลีและอาหารจานด่วนประเภทหนึ่ง ซึ่งชาวอิตาลีเป็นผู้คิดค้น มีลักษณะเป็นแป้งแผ่นกลมแบนราดด้วยซอสมะเขือเทศ แล้วทำให้สุกโดยการอบในเตาอบ
ประวัติของพิซซาเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 79 เมื่อเขาวิซูเวียสระเบิดขึ้นและทลายเมืองปอมเปอีทั้งเมือง หลังจากนั้นประมาณ ค.ศ. 640 แกตาโน ฟิโอเรลลี่ ได้ค้นพบเตาฟืนโบราณจำนวนมากมาย
ในซากปรักหักพังของเมือง ที่ถูกลาวาถล่ม หนึ่งในจำนวนเตาทั้งหมดนั้นพบว่ามีเถ้าถ่านขนมปังติดอยู่ในเตาอยู่ถึง 7 กิโลกรัม ซึ่งเป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่าทหารโรมันในช่วงเวลาดังกล่าว (ก่อนเมืองปอมเปอีจะถูกถล่มด้วยลาวาและเถ้าภูเขาไฟ) ต่างรับประทานขนมปังที่อบด้วยเตาฟืนโบราณนี้
ซึ่งสันนิษฐานได้ว่าชาวเมืองในเมืองนาโปลีก็รับประทานขนมปังที่อบในเตาฟืนโบราณเช่นนี้มาประมาณ 700 ปีแล้ว ต่อมาในต้น ค.ศ. 1700 ชาวเมืองนาโปลีจึงได้เริ่มประยุกต์ใส่มะเขือเทศกับสมุนไพรบางอย่างลงในขนมปังแล้วนำไปอบในเตาฟืนโบราณ นี่เองคือจุดเริ่มต้นของมารีนาราพิซซา และร้านพิซซาร้านแรกในนาโปลีได้เปิดขายในปี ค.ศ. 1830
ลองมาดูโชว์เคสของ Happy shopping บน Shopee สิ!
👇
ร้านดังกล่าวใช้วิธีการอบพิซซาในเตาที่ทำจากหินภูเขาไฟอีกประมาณร้อยปีต่อมา (นับจาก ค.ศ. 1700) และชีสเริ่มเข้ามามีอิทธิพลในอาหาร แต่ชีสดังกล่าวไม่ใช่ชีสปกติธรรมดาทั่วไป เป็นชีสที่ทำจากน้ำนมควายพื้นเมืองที่ชื่อ ฟิออเร ดี บัฟฟาลา ประมาณปี ค.ศ. 1850 ราฟาเอล เอสโปสิโต แห่งเมืองเนเปิล
จึงริเริ่มพิซซามาเกอริตาขึ้น เพื่อถวายสมเด็จพระราชาธิบดีอุมแบร์โตที่ 1 และสมเด็จพระราชินีมาเกอริตา ในคราวเสด็จเยือนเมืองเนเปิล พิซซาดังกล่าวใช้สีธงชาติอาลีเป็นสีบนหน้า
โดยใช้ใบเบซิลแทนสีเขียว ใช้มอสซาเรลลาชีสแทนสีขาว และมะเขือเทศแทนสีแดง และตั้งชื่อพิซซาเพื่อเป็นเกียรติแด่พระราชินีว่า มาเกอริตา และพระนางทรงอนุญาตให้ใช้ชื่อพระนางเป็นชื่อของพิซซานี้เมื่อปี ค.ศ. 1889 พิซซาดังกล่าวได้กลายเป็นมาตรฐานของพิซซาในปัจจุบัน
พิซซาในปัจุบันโดยทั่วไปต่างก็ดัดแปลงหน้ามาจากพิซซา 2 ชนิดซึ่งเป็นพิซซาดั้งเดิมของชาวนาโปลี คือมารีนาราพิซซาและมาเกอริตาพิซซา